BumQ 4

เอกสารลับ...มีโตรฮิน

เอกสารลับ
มีโตรฮิน
ข้อมูลดิบของประวัติศาสตร์ คอมมิวนิสต์โซเวียต และ เคจีบี


ช่วงที่ทำงานเป็นตำรวจลับเคจีบีใหม่ๆ วาซีลี มีโตรฮิน เคยพูดวิจารณ์หน่วยงานจารกรรมตันสังกัด ยุคสตาลิน เรืองอำนาจไว้หลายเรื่อง แม้เผด็จการโซเวียตรายนี้จะลาโลกไปแล้วและรัฐบาลยุคต่อมาจะประณามระบอบการปกครองของเขา มีโตรฮินก็ยังมีความผิดฐานพูดไม่ระวังปากโดยถูกย้ายจากหน่วยปฏิบัติการภาคสนามอันน่าตื่นเต้นไปทำงานนั่งโต๊ะประจำหน่วยเก็บเอกสารของเคจีบี การย้ายงานดังกล่าวนำไปสู่การเผยความลับครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งสั่นสะเทือนวงการจารกรรมตราบจนทุกวันนี้

ลังดูแลรับผิดชอบเอกสารลับสุดยอดของเคจีบีอยู่นานหลายปี มีโตรฮินเริ่มมองเห็นธาตุแท้ของระบบซึ่งหน่วยสืบราชการลับแห่งนี้พยายามปกป้องด้วยการทำจารกรรม บ่อนทำลาย และใช้กำลังขู่คุกคาม เขาเริ่มคัดลอกเอกสารจำนวนมากและซ่อนสำเนาไว้ในที่ปลอดภัย แรงจูงใจเดียวก็คือ "เพื่อมิให้ความจริงถูกลืมและอนุชนรุ่นหลังจะรับทราบเรื่องเหล่านี้สักวัน"

และจะไม่มีใครลืมเลือนแน่นอน เพราะความจริงดังกล่าวได้รับการบันทึกไว้ในหนังสืออันน่าทึงชื่อ The Sword and the Shield : The Mitrokhin Archive and the Secret History of the KGB เขียนโดย คริสโตเฟอร์ แอนดรูว์ นักประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ด้วยความร่วมมือจากมีโตรฮิน นับเป็นหนังสือเล่มแรกที่เปิดเผยข้อมูลมหาศาลที่มีโตรฮินรวบรวมไว้อย่างละเอียด นั่นคือข้อมูลดิบของประวัติศาสตร์ลับในการต่อสู้ระหว่างระบอบคอมมิวนิสต์โซเวียตกับโลกเสรี

เนื้อหาในเอกสารลับของมีโตรฮินมีตั้งแต่เรื่องสุดโหดสยองขวัญไปจนถึงเรื่องจี้เส้น เช่นชื่อจริงและรหัสของสายลับโซเวียตที่เจาะเข้าไปทำงานในกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐฯและหน่วยงานอื่นๆ รวมทั้งชื่อเสียงเรียงนามของบรรดานักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ ซึ่งลักลอบส่งความลับเกี่ยวกับระเบิดปรมาณูให้รัฐบาลโซเวียต การข่มขู่นักการทูตต่างประเทศว่าจะเปิดเผยความลับทางเพศหากไม่ยอมทำงานให้ การส่งเรื่องไปลงในสื่อมวลชนทั่วโลก โดยกล่าวหาว่าฝ่ายทหารสหรัฐฯเป็นผู้คิดค้นเชื้อโรคเอดส์ขึ้นมา และอ้างว่าเศรษฐีอเมริกันรับเด็กประเทศโลกที่สามไป "เป็นบุตรบุญธรรม" เพื่อนำอวัยวะไปปลูกถ่ายให้ตนเอง

บางเรื่องก็หยุมหยิมปลีกย่อยและเหลือเชื่ออย่างเช่นคราวหนึ่ง เคจีบีโกรธมากที่รูดอร์ฟ นูเรเยฟ ยอดดาราบัลเลต์ เอาใจออกห่างไปอยู่ประเทศตะวันตก เคจีบีถึงกับจ้างให้นักเลงหัวไม้โยนเศษแก้วขึ้นไปบนเวทีบัลเลต์รอบปฐมทัศน์ของนูเรเยฟ หลังขอลี้ภัยการเมืองและกระทั่งวางแผนให้เขาขาหัก โดยใช้คำสั่งในภาษาราชการเคจีบีว่าเป็นปฏิบัติการ "มุ่งลดความชำนาญทางวิชาชีพ"

นปี 2515 กองอำนวยการที่หนึ่ง (ข่าวกรองต่างประเทศ) เริ่มย้ายที่ทำการจากบริเวณใจกลางกรุงมอสโกไปอยู่ชานเมือง ซึ่งใช้เวลานานนับสิบปี มีโตรฮินได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ทำดัชนีและเก็บเอกสารทั้งหมดจำนวน 300,000 แฟ้ม โดยเป็นเจ้าหน้าที่คนเดียวที่ตรวจสอบเอกสารต่างๆ ก่อนบรรจุลงกล่องปิดผนึกมิดชิดและนำไปส่งด้วยตัวเองยังสถานที่เก็บแห่งใหม่ ข้อมูลทุกอย่างต้องผ่านมือเขา รวมทั้งเอกสารลับที่สุดของกองอำนวยการเอส ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมสายลับโซเวียตทุกคนที่แฝงตัวทำงานภายใต้หน้าฉากของการเป็นคนต่างถิ่นในประเทศนั้นๆ

มีโตรฮินเริ่มคัดลอกข้อความจากแฟ้มลงเศษกระดาษแล้วนำกลับบ้านโดยซ่อนไว้ในรองเท้า จากนั้นก็เริ่มรู้ว่าเจ้าหน้าที่เคจีบีระดับเขาได้รับการยกเว้นไม่ต้องถูกทหารยามตรวจค้นร่างกาย นอกจากจะตรวจดูถุงและกระเป๋าเอกสารบ้างเป็นครั้งคราว เขาจึงเริ่มนำโน้ตที่บันทึกไว้บนกระดาษใส่กระเป๋ากางเกง ทุกสุดสัปดาห์ มีโตรฮินจะนำโน้ตปึกหนึ่ง ติดตัวไปที่กระท่อมนอกกรุงมอสโก พิมพ์คัดลอกแล้วซ่อนไว้ในถังนมซึ่งฝังอยู่ใต้พื้นห้อง หลายปีผ่านไป โน้ตเหล่านี้เพิ่มพูนจนกลายเป็นคลังเอกสารขนาดใหญ่ทั้งหมดซ่อนอยู่ในหีบและกล่องต่างๆ

หลังอ่านแฟ้มเอกสารอย่างพินิจพิเคราะห์มีโตรฮินสรุปว่าเคจีบีมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวด ในการดำรงไว้ซึ่งแสนยานุภาพทางทหารของสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นรัฐทหารที่จำเป็นต้องพึ่งพาความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลกตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐฯ แอนดรูว์กับมีโตรฮินเขียนว่า งานจารกรรมช่วยรักษาความเป็นมหาอำนาจทางทหารของโซเวียต ในขณะที่ "อัตราการตายในเด็กทารกของประเทศและดัชนีบ่งชี้ความอ่อนด้อยทางสังคมอื่นๆ" ร้ายแรงกว่าของสหรัฐฯและยุโรปตะวันตกหลายเท่าตัว

เคจีบีตอบโต้ผู้ที่พยายามเปิดโปงการปฏิบัติงานของหน่วยอย่างดุเดือด ตัวอย่างโดดเด่นในเรื่องนี้ได้แก่การตีพิมพ์หนังสือชื่อ KGB : The Secret Work of  Soviet Secret Agents ในปี 2517 ของ จอห์น บารอน หนังสือดังกล่าวทำให้ผู้บริหารเคจีบีสั่งให้เจ้าหน้าที่ "ตรวจสอบความเสียหายที่เกิดจากหนังสือและเขียนรายงานไม่ต่ำกว่า 370 ชิ้น" หัวหน้าหน่วยเคจีบีในกรุงวอชิงตันได้รับคำสั่งให้ขุดคุ้ยภูมิหลังของบารอนอย่างหมดเปลือก และ "ดำเนินมาตรการเชิงรุก" เพื่อให้เขาหมดความน่าเชื่อถือ หนึ่งในความพยายามแนวนี้ได้แก่ การสร้างภาพว่าบารอนสังกัดอยู่ใน "ขุมข่ายงานของพวกยิว" ที่มุ่งต่อต้านสหภาพโซเวียต นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้ดำเนินมาตรการเดียวกันกับนักหนังสือพิมพ์ที่เขียนวิจารณ์หรือใช้ข้อมูลจากหนังสือของเขาด้วย

ในเดือนมีนาคม 2535 หลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย มีโตรฮินนำตัวอย่างเอกสารที่รวบรวมไว้ขึ้นรถไฟข้ามคืนออกจากเขตแดนรัสเซียปัจจุบัน มุ่งหน้าสู่ประเทศชายฝั่งทะเลบอลติกแห่งหนึ่ง (เขาไม่ต้องการเปิดเผยว่าเป็นประเทศใด) แล้วติดต่อไปยังสถานทูตสหรัฐฯ แต่ได้รับการต้อนรับแบบเนือยๆขณะที่สถานทูตอังกฤษให้การต้อนรับอบอุ่นกว่า ต่อมาหน่วยข่าวกรองอังกฤษนำตัวมีโตรฮิน พร้อมด้วยครอบครัว และเอกสารทั้งหมดออกจากรัสเซีย ปัจจุบัน เขาเป็นพลเมืองของประเทศอังกฤษ

เอกสารลับมีโตรฮินมีส่วนช่วยอย่างสำคัญในการจับกุมและลงโทษ โรเบิร์ต ลิปคา สายลับโซเวียตที่แฝงตัวทำงานอยู่ในสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังเปิดโปง เมลิตา นอร์วูด สตรีอังกฤษผู้ส่งมอบความลับทางวิทยาศาสตร์ในสหภาพโซเวียตระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และหลังจากนั้น ถึงที่สุดแล้ว "เอกสารลับมีโตรฮิน" อาจเปิดเผยรายชื่อสายลับอีกนับพันหากมีการเจาะเนื้อหาลึกกว่านี้

ระหว่างนี้ หนังสือ The Sword and the Shield กล่าวถึงความลับเรื่องหนึ่งซึ่งจำเป็นต้องหาข้อยุติให้ได้โดยเร็วที่สุด นั่นคือรายงานที่ว่าเคจีบีซุกซ่อนวิทยุสื่อสาร อาวุธ และวัตถุระเบิดไว้ตามที่ต่างๆทั่วยุโรปและสหรัฐฯ อันเป็นส่วนหนึ่งของแผนรัฐบาลสหภาพโซเวียตที่จะก่อวินาศกรรม ทำลายท่อส่งน้ำมัน โรงไฟฟ้า สายไฟฟ้าแรงสูง เขื่อน อ่างเก็บน้ำ และอาคารสิ่งปลูกสร้างอื่นๆในกรณีเกิดสงคราม ที่ค้นพบแล้วก็คือ สถานที่เก็บซ่อนเครื่องมือวิทยุสื่อสารในประเทศสวิตเซอร์แลนด์และเบลเยียม

ที่สำคัญคือ หน่วยงานเอสวีอาร์ ซึ่งเข้ามาแทนที่หน่วยเคจีบียังคงทำจารกรรมต่อต้านสหรัฐฯอย่างแข็งขันต่อเนื่อง เมื่อนักการทูตชาวรัสเซียผู้หนึ่งในกรุงวอชิงตันได้ถูกขับออกนอกประเทศ หลังถูกข้อหาจารกรรม โดยมีคนแอบนำอุปกรณ์ดักฟังไปติดตั้งไว้ในห้องประชุมของกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ และเอฟบีไอรายงานว่านักการทูตคนดังกล่าว ถูกจับกุมขณะนั่งฟังการประชุมอยู่ในรถยนต์ซึ่งจอดอยู่ใกล้กับตัวอาคาร

ขณะเดียวกัน มีโตรฮินเองต้องใช้ชื่อปลอมและกบดานในบ้านลับ ซึ่งมีการจัดเวรยามคุ้มครองความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในประเทศอังกฤษ และสารภาพว่ากลัวมือสังหารจากเอสวีอาร์จะมาไล่ล่าแก้แค้น มีโตรฮินกล่าว "พวกเขายังเป็นคนกลุ่มเดิม หน่วยงานเดิม และยึดวัตถุประสงค์เดิม ผู้นำทุกคนของหน่วยงานใหม่เป็นลูกหม้อเคจีบีและเป็นอาชญากรเหมือนกันหมด"
ตลาดออนไลน์ !